5 เทคนิคสอบเข้า ม.4 เตรียมอุดมฯ ที่น้อง ม.ต้น ห้ามพลาด

น้อง ๆ คนไหนที่ต้องการสอบเข้าเพื่อศึกษาต่อในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายในโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา อย่าหลงคิดว่ายังพอมีเวลา แล้วชะล่าใจไม่เตรียมตัวอ่านหนังสือสอบหรือติวความรู้เพิ่มเติมในช่วงเทอมปลายของชั้น ม. 3 เพราะอาจสายเกินไปได้ แต่หากน้อง ๆ อยากสอบเข้าได้อย่างมั่นใจทางที่ดีที่สุด ควรเริ่มเตรียมตัวตั้งแต่ชั้น ม. 1 หรือ ม. 2 เพื่อปูความรู้ให้แน่นจะได้สอบเข้าได้อย่างผ่านฉลุย 

แต่หากน้อง ๆ คนไหนที่ไม่แน่ใจว่าควรเริ่มต้นจากตรงไหนดี กับการเตรียมตัวสอบเข้า ม.4 ในโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาอย่างที่ตั้งใจ เรามีเคล็ดลับในการเตรียมสอบเข้าเรียนมาบอกกัน

สอบเข้าโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ต้องสอบอะไรบ้าง?

น้อง ๆ ที่ต้องการสอบเข้า ม.4 ในโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา จำเป็นจะต้องรู้ก่อนว่าโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา แบ่งแผนการเรียนออกเป็น 3 สายด้วยกัน ซึ่งแต่ละสายจะมีวิชาที่ต้องสอบแตกต่างกันไป ดังนี้

สายวิทย์-คณิต

สำหรับในสายวิทย์-คณิต ต้องสอบทั้งหมด 5 วิชา คือ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคม ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ โดยแผนการเรียนนี้จะรับนักเรียนประมาณ 750 คนต่อปี 

สายศิลป์-คำนวณ

ส่วนน้อง ๆ ที่ต้องการเรียนต่อในสายศิลป์-คำนวณ จะสอบทั้งหมด 4 วิชา คือ คณิตศาสตร์ สังคม ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ โดยแผนการเรียนนี้จะรับนักเรียนประมาณ 70 คนต่อปี 

สายศิลป์-ภาษา

อีกหนึ่งแผนการเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายคือสายศิลป์-ภาษา ซึ่งน้อง ๆ ที่ต้องการเรียนต่อในแผนการเรียนนี้ จะต้องสอบทั้งหมด 3 วิชา คือ สังคม ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ โดยแบ่งการรับนักเรียนออกเป็น

• ฝรั่งเศส รับนักเรียนประมาณ 60 คน
• เยอรมัน รับนักเรียนประมาณ 55 คน
• ญี่ปุ่น รับนักเรียนประมาณ 55 คน
• จีน รับนักเรียนประมาณ 60 คน
• สเปน รับนักเรียนประมาณ 25 คน
• เกาหลี รับนักเรียนประมาณ 35 คน

เตรียมตัวสอบเข้าอย่างไร? ให้ติดโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา

ตั้งเป้าให้ชัดเจน ว่าจะเข้าเรียนสายไหน

สิ่งสำคัญประการแรกที่น้อง ๆ ต้องทำคือ ตอบคำถามในใจตัวเองให้ชัดเจนก่อนว่าต้องการสอบเข้า ม.4 กับโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาในแผนการเรียนใด เพื่อที่น้อง ๆ จะได้รู้ว่าต้องติวเข้าเตรียมอุดมศึกษาในวิชาใดบ้าง รวมถึงจะได้รู้ว่าในแต่ละปีมีการรับนักเรียนเพื่อเข้าเรียนต่อในแผนการเรียนนี้เป็นจำนวนเท่าไร จะได้ประเมินอัตราการแข่งขันได้อย่างถูกต้อง เพื่อวางแผนพิชิตเป้าหมายให้ได้ต่อไป

จัดลำดับความสำคัญของแต่ละวิชา

เมื่อน้อง ๆ รู้แล้วว่าต้องการสอบเข้าเรียนต่อในแผนการเรียนใด ก็ถึงเวลาต้องมาจัดลำดับความสำคัญของแต่ละวิชาที่จะสอบ เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมก่อนจัดตารางการอ่านหนังสือสอบต่อไป 

การจัดลำดับความสำคัญของแต่ละวิชา น้อง ๆ ต้องรู้ก่อนว่าในแต่ละวิชามีเนื้อหาอะไรบ้างที่จะออกสอบ รวมถึงสัดส่วนของคะแนนสอบเป็นอย่างไร เพื่อที่จะได้เน้นทบทวนในเนื้อหาที่มีคะแนนเยอะเป็นพิเศษ แต่ไม่แนะนำให้อ่านแค่เนื้อหาที่มีคะแนนเยอะเท่านั้น แต่ควรอ่านเนื้อหาทั้งหมด เพราะสุดท้ายแล้วทุกข้อ ทุกคะแนน ก็ล้วนมีความสำคัญต่อผลการสอบด้วยกันทั้งนั้น

จัดตารางการอ่านหนังสือ

ในส่วนของเทคนิคในการจัดตารางการอ่านหนังสือ สามารถจัดได้ 2 แบบ คือ 

• อ่านเก็บไปทีละวิชา โดยใช้เวลากับวิชานั้น ๆ ประมาณ 1-2 เดือน เพื่อการอ่านทบทวนและทำความเข้าใจ รวมถึงทำสรุปเนื้อหาเพื่อนำกลับมาทบทวนในภายหลัง
• อ่านเก็บไปพร้อม ๆ กันทีละหลายวิชา โดยใช้เวลาวันละ 1 วิชาสลับกันไปในแต่ละสัปดาห์ อาจใช้วิธีอ่านทบทวนเป็นบท สลับกับการทำสรุป เพื่อให้ง่ายต่อการกลับมาทบทวนในภายหลัง 

ฝึกตะลุยโจทย์ข้อสอบเก่า 

อีกหนึ่งเทคนิคที่สำคัญในการเตรียมตัวสอบเข้าโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา คือหลังจากการอ่านหนังสือทบทวนจบแล้วในแต่ละวิชา ควรหาข้อสอบเก่า ๆ มาทดลองทำ โดยให้จับเวลาในการทำข้อสอบเหมือนตอนสอบจริงไปด้วย เพื่อเป็นการฝึกบริหารจัดการเวลาในการทำข้อสอบ 

หลังจากทำข้อสอบเสร็จแล้วให้ตรวจสอบว่ามีเนื้อหาส่วนใดที่ยังมีข้อผิดพลาดอยู่บ้าง เพื่อที่จะกลับไปทบทวนเนื้อหาในส่วนนั้น ๆ และทำความเข้าใจเพิ่มเติม ก่อนกลับมาทดลองทำข้อสอบใหม่ โดยควรทำข้อสอบย้อนหลังประมาณ 5-10 ปี 

เกรดเฉลี่ยต้องทำให้ดี

นอกจากการอ่านหนังสือเพื่อเตรียมตัวสอบเข้าโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่น้อง ๆ ไม่ควรมองข้าม คือการต้องตั้งใจเรียนในโรงเรียนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อที่จะได้เก็บเนื้อหาของแต่ละวิชาได้อย่างครบถ้วน 

และเมื่อเราตั้งใจเรียน เกรดเฉลี่ยออกมาดี ก็จะส่งผลดีต่อการพิจารณาเข้าเรียนต่อในโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาด้วยเช่นกัน

หาที่เรียนติวเพิ่ม เสริมความรู้

หากน้อง ๆ อยากเสริมความมั่นใจในการสอบเข้าเรียนกับโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาให้มากขึ้น การลงเรียนคอร์สติวเข้าเตรียมอุดมศึกษาก็เป็นทางเลือกที่ดีอีกวิธีหนึ่ง เพราะสถาบันติวมักจะมีเทคนิคดี ๆ ที่ช่วยให้น้อง ๆ สามารถจดจำเนื้อหาได้แม่นยำขึ้น รวมถึงเทคนิคการคิดคำนวณที่เข้าใจง่าย ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริงอีกด้วย